

Kornvit Anoontakaroon: Variation on An Aksorn- Silpa Camp Performance
เพลงVariation from Aksorn- Silpa Camp performance นั้นเป็นบทเพลงสำหรับการเดี่ยว Multi Percusion ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการไปค่ายอักษร- ศิลป์ ครั้งที่ 3 ที่โรงเรียนตำรวจตะเวนชายแดน จุฬา- ธรรมศาสตร์ 3 ชุมชนคลองแม่ออกฮู อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก ซึ่งเพลงนี้ได้นำทำนองและจังหวะมาจากการแสดงของนักเรียนผู้เข้าร่วมกิจกรรมค่ายอักษร-ศิลป์ในคืนวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2562 รวมถึงบทเพลงที่ได้ศึกษามาจากชุมชน โดยตัวผมซึ่งเป็นผู้ประพันธ์เพลงนี้ต้องการอุทิศเพลงนี้ให้กับน้องๆ ในโรงเรียนตำรวจตะเวนชายแดนจุฬา- ธรรมศาสตร์ 3 ที่เคยได้ทำกิจกรรมร่วมกัน และผู้คนในชุมชนที่ได้มอบความรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวปปากญอที่ควรค่าแก่การศึกษา
This Variation from Aksorn- Silpa Camp performance is A solo Multi Percussion piece that inspired by my participation in Third Aksorn- Silpa Camp At Chula-Thammasat 3 border patrol police school at Tak province. Motive of this piece is from The camp showcase and local love song that I have gathered during camp. This piece is dedicated to Student of Chula Thammasat 3 Border patrol police school and Mae Ok Hu local people
How It Related To (Un)spoken Thoughts
บทเพลงนี้เรียกได้ว่าเป็นสิ่งแทนใจเล็กๆ น้อยๆ จากค่ายอักษร- ศิลป์เพื่อน้อง ที่โรงเรียนตะเวนชายแดนจุฬา- ธรรมศาสตร์ 3 อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก ซึ่งผมได้เข้าร่วมค่ายอักษร- ศิลป์ทุกครั้งตั้งแต่ขึ้นปีหนึ่ง ซึ่งทุกๆ ครั้งที่ได้ไปค่ายก็เหมือนการได้ไปลองทำในสิ่งที่เรียนจากสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนาในสถานที่จริง และหลายๆ ครั้งเมื่อนึกย้อนกลับไปยังช่วงเวลาที่อยู่ในค่ายก็ทำให้มีความสุขได้เสมอ และเพลงนี้ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้ได้ย้อนรำลึกถึงช่วงเวลาเหล่านั้น
ในบทเพลงนี้จะเริ่มขึ้นด้วยทำนองจากการแสดงดนตรีเครื่องกระทบในคอนเสิร์ตShowcase ของค่าย อักษร- ศิลป์ ปีที่ 3 โดยใช้ทำนองหลักจากการแสดงจำนวนสองทำนอง ก่อนที่จะนำทำนองไปพัฒนาในท่อนต่อไป โดยนำทำนอง Motive จังหวะของเด็กๆ ในชุมชน และจังหวะจากทำนองประสานของเครื่องดนตรีเตหน่ากูมาใส่ใว้ในท่อนพัฒนาทำนอง

Motive จังหวะของเด็กๆ ในชุมชน

จังหวะทำนองประสานของเครื่องดนตรีเตหน่ากู
ในท่อนต่อไปจะเป็นท่อนที่ต้องการจะสื่อถึงบรรยากาศของชุมชนคลองแม่ออกฮูในช่วงเวลากลางคืน โดยมีการนำเครื่องดนตรีที่พบได้ในชุมชนและถูกใช้ในการตีบอกเวลา อย่างเช่น ฆ้องใหญ่ และกังสดาลมาประกอบบทเพลง พร้อมกับร้องคลอ ซึ่งเพลงที่ร้องนั้นเป็นเพลงที่ใช้ในงานแต่งงานของชาวปกากญอในชุมชนคลองแม่ออกฮู มีความหมายว่าฉันรักเธอ แต่ฉันไม่กล้าพูด โดยเวลาแสดงจะไม่ใช้เครื่องดนตรี แต่จะเป็นการตั้งวงเหล้าแล้ววนรอบกัน

ทำนองหลักทำนองที่ 1

ทำนองหลักทำนองที่ 2

พ่อเฒ่าพานุกำลังบรรเลงเครื่องดนตรีเตหน่ากู

กังสดาล ณ วัดในชุมชนคลองแม่ออกฮู
บทเพลงในงานแต่งของพ่อเฒ่าพานุ
หลังจากท่อนบรรยากาศแล้ว บทเพลงนี้จะเริ่มกลับมาที่ทำนองหลักโดยมีการผสมกันของกลองและฆ้อง ก่อนที่จะกลับมาจบด้วยทำนองหลักในท่อนสุดท้าย

ฆ้อง ณ วัดในชุมชนคลองแม่ออกฮู

พ่อเฒ่าพานุ และภรรยา แม่เฒ่าช่วยพอ เวียงเชิดศักดิ์


ภาพบรรยากาศในการแสดงเครื่องกระทบ
สุดท้ายแล้วต้องขอขอบคุณพ่อเฒ่าและแม่เฒ่าที่ได้ถ่ายทอดบทเพลงและความรู้เกี่ยวกับประเภณี วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของชาวปกากญอในชุมชนบ้านแม่ออกฮู อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก ขอบคุณคณะอาจารย์ ทีมงานกลุ่มเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ จาก สถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรี รวมทั้งน้องๆ ในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน จุฬา ธรรมศาสตร์ 3 ที่ทำให้ค่ายอักษรศิลป์ทุกครั้งสำเร็จลุล่วงลงด้วยดี